[CR] ศิษย์เก่าแดนโรตีตะลุยอินเดีย ทริปสีสันในทะเลทรายแห่ง Rajasthan วันที่ 1 >>> Jaipur มีมากกว่าแค่กำแพงเมืองสีชมพู

สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มารีวิวต่อหลังจากหลายวัน เนื่องจากป่วยค่ะ กลับจากทริปยาวปั๊บ วันรุ่งขึ้นก็ออกอาการเลย >_< แต่นับว่าดีที่ไม่เป็นระหว่างเดินทางนะ และขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจมาติดตามเรื่องราวที่เราอยากมาแบ่งปันค่ะ

Within and beyond the walls of the Pink City

เมืองแรกในทริปของเราคือ แจปุร เวลาออกเสียงต้องรัวลิ้นตามหลังนะ ไหนลองสิคะ แจ-ปุ-รรรรรรร 555 ดีมากค่ะ (รู้นะว่าลองจริง =P) เรากับพี่สาวนั่งเครื่องบินในประเทศจากเดลลีมาลงที่สนามบินแจปุร ใช้เวลา 45นาทีเองค่ะ แต่เครื่องออกดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง เพราะตอนเช้าตรู่มีหมอกหนามาก เราบินโดยสายการบิน Spicejet เหตุผลคือตั๋วมันถูกสุดตอนจองค่ะ เราซื้อแบบขาเดียว ประมาณ 1400บาทต่อคน พอขึ้นเครื่องมาเราค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นเครื่องบินแบบใบพัดลำเล็กมีประมาณ 50ที่นั่ง อยู่หน้าเครื่องก็เห็นถึงถ้ายเครื่องละ ทั้งลำมีแอร์โฮสเตรสอยู่ 2คนค่ะ ดูท่าพี่สาวจะหลับลูกเดียวเราเลยขอนั่งติดหน้าต่าง ชมวิวตลอดทาง แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว


เครื่องค่อนข้างเก่า กระจกก็จะไม่ค่อยชัดเนอะ แต่พอขึ้นเหนือเมฆแล้วชวนฝันมากเลย ปุยเมฆขาวๆน่าไปนอนกลิ้งบนนั้นจัง อิอิ ... พอเข้าเขตแจปุรเครื่องลดระดับก็เริ่มเห็นเทือกเขาเตี๊ยๆใต้ทะเลหมอกค่ะ

รับกระเป๋าเสร็จเราก็รอแฟนที่กำลังนั่งเครื่องบินมาจากบังกาลอร์ค่ะ ซึ่งเครื่องเขาก็ดีเลย์ไปเกือบ 2ชม. พอสมาชิกครบประมานสิบโมงครึ่ง เราสามคนก็เดินออกไปที่บู๊ท Prepaid Taxi จ่ายเงินไป 450รูปี (เราจองที่พักจากเวบ Airbnb ทำให้ได้แชทกับเจ้าของที่พักโดยตรง ซึ่งเขาก็บอกรายละเอียดมาก่อนว่าจะราคาประมานนี้ค่ะ) รถเป็นรถเก๋งขนาดเล็กเป็น Tata Indica สีขาว แต่ก็นั่งกันสบายค่ะ ระหว่างทางเราก็ชวนคุณลุงคนขับรถคุย (เรากับพี่สาวพอพูดฮินดีได้+อ่านออกเขียนได้+ดูหนังแขกแล้วร้องไห้หนักมาก) เราเรียกแกว่า อังเคิ้ล/Uncle ถามว่าถ้าจะเหมารถเที่ยวรอบเมืองจะคิดราคาเท่าไหร่ อังเคิ้ลตอบมา 1650รูปี 8ชม. ไม่รวมค่าที่จอดรถ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าแพง รถก็สะอาด อังเคิ้ลก็ดูคุยกันรู้เรื่อง เลยตกลงว่าจะจ้างแกต่อสำหรับวันนี้

เราพักที่ Camellia Boutique Home เป็นบ้านของคนรวยที่มีห้องเยอะ จึงเปิดให้คนมาพักแนว paying guest เจ้าของบ้านต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง บ้านหลังใหญ่ ด้านในตกแต่งอย่างดี ห้องที่พักและห้องน้ำสะอาดเป็นระเบียบ ในห้องนอนมีเครื่องทำความร้อน/heater ตัวเล็กให้ด้วย พี่สาวชอบมาก เพราะสมัยเรียนตอนหน้าหนาวนางจะนั่งๆนอนๆอาบแสงฮีตเต้อร์ทั้งวันทั้งคืน


ทางเข้าบ้านจากรั้วมีสนามหญ้าเล็กๆ ต้นไม้นิดหน่อยและที่นั่งกล้างแจ้งสองมุม (ถ่ายตอนขากลับจากเที่ยวเลยมึดแล้ว)


ที่นั่งรับแขกด้านหน้า... เจ้าของบ้านนั่งคุยกับเราในห้องนั่งเล่นอย่างเป็นกันเอง ด้านขวาสุดเป็นที่กินข้าวค่ะ


เขาบอกว่าห้องเราเป็นห้องเก่าของลูกสาวเขาที่ย้ายไปอยู่อเมริกาแล้ว มีที่นอนเสริมให้ด้วย

คนอินเดียที่มีเงินส่วนมากจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัย (อเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย สิงห์คโปร เป็นต้น) แล้วพอเรียนจบก็จะหางานทำ ลงหลักปักฐานที่นั่นหรือไปประเทศอื่นต่อเลย ไม่ค่อยมีใครกลับมาอยู่อินเดียเท่าไหร่ เพื่อนเราหลายคนก็เป็นแบบนี้ค่ะ ส่วนคนที่จบมหาลัยในอินเดียก็จะพยายามไปทำงานที่เมืองนอก... คืออยากออกจากประเทศกันพอสมควร

พวกเราเก็บกระเป๋า ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมลุยวันแรกของทริปกัน ก่อนออกแอบบอกถึงราคาเหมารถอังเคิ้ล ซึ่งคุณลุงเจ้าของบ้านก็บอกว่าไม่แพงหรอก เราก็รู้สึกดีที่ยังไม่โดนแขกหลอก อิอิ ออกมาขึ้นรถประมาณ 11.30น. อังเคิ้ลกำลังบรรจงเช็ดกระจกหน้ารถรออยู่ ไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกถึงความสบายใจบนสีหน้าอังเคิ้ลที่วันนี้ไม่ต้องไปหาลูกค้าที่ไหนอีกแล้ว อยู่แต่กับพวกกะเหรี่ยงสามคนนี้แหละ เอาหล่ะ ไปกันเล้ยยยยย


วันนี้เราเที่ยวกันในตัวเมืองแจปุร สังเกตุจากรูปบนที่มุมขวาบน จะมีกล่องสีชมพูซึ่งก็คือ Pink City ที่เป็นเมืองเก่า โดยมีพระราชวังหรือ City Palace อยู่ใจกลางเมืองสีชมพูเลย สมัยก่อนเมืองเล็กเท่าแค่ในพื้นที่กล่องนั้น กษัตริย์สร้างกำแพงล้อมรอบเพื่อปกป้องประชาชนที่อยู่ข้างใน  พอตกเย็นประตูรอบเมืองจะถูกปิดหมด ปัจจุบันเมืองแจปุรเป็นเมืองหลักของรัฐราจัสธาน ได้มีการขยายออกในวงกว้างทำให้บ้านเรือนด้านนอกกำแพงจะเป็นในรูปแบบสมัยใหม่ทั่วๆไปค่ะ


นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ Albert Hall เราไม่ได้เข้าค่ะ อังเคิ้ลพามาโฉบให้ถ่ายรูปฟรีเท่านั้นค่ะ

อังเคิ้ลดูแลเราดีมากๆ นอกจากจะชวนดูนู่นดูนี่แล้ว ยังเป็นไก้ดคอยอธิบายถึงประวัติความเป็นมาของแต่ละอย่างให้ฟังตลอดทางค่ะ อังเคิ้ลเล่าให้ฟังว่าในปีคศ. 1876 กษัตริย์ในสมัยนั้นสั่งให้มัน(เมือง)เป็นสีชมพู้~ โดยการทาสีทุกพื้นที่ด้วยสีชมพูแล้ววาดลวดลายหรือตัดขอบด้วยสีขาว เพื่อต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจากประเทศอังกฤษ แต่ความจริงมันไม่ใช่สีชมพูหน่ะสิ คนสมัยนั้นอาจจะมีคอนเซปเรื่องสีแตกต่างจากสมัยนี้ เพราะแท้จริงแล้วสีของ Pink City เป็นสีส้มดินเผามากกว่า เราเห็นอาคารสีชมพูพาสเทลหลังหนึ่งในเขตเมืองเก่า แล้วแอบคิดว่าถ้าทั้งเมืองนี้เป็นสีชมพูพาสเทลแทน คงจะเป็นดินแดนแห่งฝันหวาน อิอิ


กำแพงและประตูเข้า Pink City จากด้านนอก


บ้านเรือนและร้านค้าข้างใน Pink City ผู้คนใช้ชีวิตประจำวันปกติ แต่เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกยุคนึงเลยค่ะ


ตอนนี้หยิบกล้องแทบไม่ทัน อูฐลากรถซานต้า!! (เป็นวันคริสมาสพอดี) ก็มันทะเลทรายเนอะ กวางเรนเดียร์คงไม่เข้ากับบรรยากาศ ^.,^


เห็นมั้ยซ้ายมือ อาคารสีชมพูพาสเทล ถ้าทั้งเมืองเป็นสีนี้คงเป็นเมืองที่หวานแหววที่สุดในโลกเลยนะ *0*

จุดแรกของเราก็คือพระราชวังใจกลางเมืองหรือ City Palace นั่นเอง ปัจจุบันที่นี่แบ่งเป็นส่วนที่เปิดพิพิธภัณฑ์ กับส่วนที่พักอาศัยของราชวงค์หรือแขกผู้มาเยือนของราชวงค์ค่ะ อังเคิ้ลปล่อยเราลงด้านหน้าทางเข้าฝังพิพิธภัณฑ์ แล้วบอกว่า พอจะกลับแล้วโทรมานะ เดี๋ยวจะมารับตรงนี้ เพราะที่จอดรถหายาก แล้วก็จากกัน

เราเดินไปซื้อบัตรเข้าด้านข้าง ราคาต่างชาติคนละ 400รูปี ราคานักเรียนคนละ 250รูปี สถานที่แบบนี้ทุกที่จะมี Audio guide หรือชุดหูฟังคำอธิบายประวัติของสถานที่และเราก็เดินตามจุดในเสียงอัด ค่าใช้ชุดละ 200รูปี และต้องมัดจำด้วยพาสปอดหรือบัตรประจำตัวอื่นๆ ซึ่งจะไว้แลกคืนตอนเอาชุดหูฟังมาคืนในสภาพที่ดีค่ะ เราสามคนไม่ได้ใช้ค่ะ อาศัยเดินตามไก้ดอื่นๆเอา อิอิ


ด้านหน้าทางเข้า Jaipur City Palace

หมายเหตุ: ค่าเข้าชมแต่ละที่เราดูจากในเวบมาหลายเวบ ราคาไม่ตรงกันเลย และก็ไม่มีอันไหนที่ตรงกับของจริง คิดว่าน่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ และบัตรเข้าชม City Palace ใช้เข้าชม Jaigarh Fort ได้ด้วยภายในเวลา 2วัน เก็บไว้ให้ดีนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปใช้ ... แต่เราว่าไม่ไปก็ได้นะ **อยากรู้โปรดติดตามค่ะ**

พอพ้นด่านฉีกบัตรเข้ามา สิ่งแรกที่เราหาคือ ร้านอาหารค่ะ เพราะทุกคนหิวมากแล้ว และเราอ่านรีวิวมาว่าในนี้มี The Palace Cafe ซึ่งบอกว่ามันเลิศ เลยคิดว่าต้องลอง เราเดินไปถามพ่อค้าร้านใกล้ๆทางเข้าด้านใน เขาก็ชี้ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา พอเราตามทางนั้นเข้ามามันดีงามมาก คือตกแต่งแบบเรียบหรูธรรมดา โทนสีน้อยๆ แต่ผู้คนน้อยมาก ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเลยสบายหูสบายตา เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

มีที่นั่ง สองโซนคือโต๊ะกลางแจ้ง และริมกำแพงใต้หลังคา ซึ่งจะเป็นเบาะผ้าวางบนปูนที่ก่อขึ้นมาเป็นที่นั่งแนวยาว ตอนนั้นแดดเปรี๊ยงเลยค่ะ พวกเราจึงนั่งในร่มกัน บริกรแต่งตัวดูดีนำเมนูมาให้ เริ่มไม่ค่อยผ่อนคลายแล้ว ราคาแพงอะ แต่ก็คิดว่า “เอาวะ! มื้อแรก! งบยังมีเยอะ” อีกอย่างคือหิวไง! ไม่ไปไหนแล้ว จะกินที่นี่แหละ หึหึ


ในประตูนี้เราแอบเปิดเข้าไปดู เป็นส่วนของร้านอาหารเหมือนกัน แต่ตกแต่งสวยมากมีลวดลายบนผนัง โต๊ะเก้าอี้ แต่เขาปิดอยู่ค่ะ


อาหารที่สั่งมี แซนวิชไก่ Butter Naan เซทข้าวแกงแพะกับแกงถั่ว (ให้น้อยอะ) แล้วก็ไก่ย่างเตาถ่าน ในเมนูเขียนอย่างนี้ แต่จริงๆคือทำเลียนแบบ ไก่พันอ้อยบ้านเราค่ะ อาหารทุกอย่างรสชาติดีเลยค่ะ ยกเว้นแซนวิช (ที่สั่งมาเพราะเห็นเป็นขนมปังจะได้อิ่มๆหน่อย) แล้วก็พี่สาวลองสั่ง Princess Chocolate Cake มากินค่ะ เป็นเค้กที่แข็งที่สุดในชีวิต แต่รสชาติเข้มข้นค่ะ ทั้งหมดนี้ราคา 2800รูปี ประมาน 1600บาทค่ะ
สังเกตุที่จานจะมีตราของพระราชวังด้วย

ท้องเต็มแล้วเดินต่อได้ ไปชมพระราชวังกัน ประวัติของสถานที่เราไม่อธิบายนะคะ จริงๆคือทำการบ้านด้วยการอ่านก่อนมาเที่ยวแล้ว แต่พอจบทริปนะ เนื่องจากไปมาหลายที่มาก ประวัติศาสตร์มันตีกันมั่วซั่วไปหมดค่ะ ไม่ให้ข้อมูลผิดดีกว่า ใครอยากทราบประวัติรบกวนค้นคว้าเพิ่มเติมเองนะคะ แฮ่ๆ เราก็เดินดูเรื่อยๆค่ะ ตามๆเขาบ้าง เดินเองบ้าง ด้านในจะเน้นลานสี่เหลี่ยมกว้างๆ ล้อมรอบด้วยกำแพงที่เป็นอาคารและช่องทางเดิน โดยจะมีประตูเชื่อมกันในแต่ละด้าน ที่นี่สวยนะ โดยเฉพาะซุ้มประตูแต่ละบาน





สถานที่แบบนี้คนเยอะมากค่ะ แล้วฤดูหนาวเป็นช่วงท่องเที่ยวของที่นี่ด้วย เพราะอากาศกำลังดี ท้องฟ้าโปร่งใสตลอดทั้งวัน มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวอินเดียเองก็เยอะเหมือนกัน อาจจะเยอะกว่าต่างชาติด้วยซ้ำ จึงทำให้การถ่ายรูปมุมสวยๆค่อนข้างลำบาก เราก็ไม่อยากได้อะไรที่ติดคน บางทีเราจะหยุดถ่ายพื้นที่ตรงไหน ก็มีคนเดินมายืนถ่ายรูปตัวเองเพราะเห็นเราหันกล้องไปแล้วไม่มีคน ไม่ก็ดันให้เรารีบๆเดิน จนบางทีเราหงุดหงิด แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่า “โอเคเราได้เห็นความงามของมันละ ไม่ต้องถ่ายก็ได้เนอะ"

ต่อด้านล่างเลยนะคะ
V
V
ชื่อสินค้า:   ประเทศอินเดีย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่